brand logo

PHOTO | LIFE | INSPIRATION

Mar 2025

Bunny Shoot Film
แบรนด์ไลฟ์สไตล์ที่อยากให้ทุกคนได้สนุกกับทุกการกดชัตเตอร์
เรื่อง : กาญจนาภรณ์ มีขำ
ภาพ : ธันวา ลุจินตานนท์
2 Aug 2021

เราเคยพูดคุยกับช่างภาพที่ใช้ ‘การถ่ายภาพ’ เป็นดั่งเครื่องมือในการเล่าเรื่อง หรือเป็นสื่อกลางในการสื่อสาร หรือแม้กระทั่งกับคนที่ใช้สารพัดเทคนิคกระบวนการต่างๆ ในการพัฒนาภาพถ่าย ไม่ว่าจะเป็นระบบอะนาล็อกที่ทั้งล้าง หรือพิมพ์ภาพออกมา หรือทั้งระบบดิจิตอล ที่พาเราไปสู่องค์ความรู้เรื่องภาพถ่ายแบบถึงพริกถึงขิง แต่วันนี้ D1839 ได้มาพูดคุยกับ ไข่มุก – นพพรรณ พรวนสุข เจ้าของแบรนด์ Bunny Shoot Film ที่ออกตัวกับเราว่าเจ้าตัวไม่ได้มี ‘ความรู้’ เรื่องภาพถ่ายแต่มี ‘ความรู้สึก’ กับมันจนก่อนตั้งแบรนด์เพื่อส่งต่อความสนุกนี้ให้กับลูกค้าที่ชื่นชอบการถ่ายภาพเหมือนกับเธอ

What is BUNNY?

Bunny Shoot Film เริ่มต้นจากการที่ไข่มุกอยากลองถ่ายฟิล์มที่ชื่นชอบมาก แต่ต้องสั่งมาจากต่างประเทศในปริมาณที่มากจนทำให้เธอต้องกระจายสินค้าผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวของเธอ และพบว่าเพื่อนของเธอคงไม่สนใจฟิล์มกันทุกคน อีกทั้งถ้าจะลงทิ้งไว้ใน Highlight ก็ใช่ว่าจะมีคนเห็น จึงตัดสินใจเปิดร้านเพื่อหาลูกค้าหรือเพื่อนร่วมทางไปกับความชอบของเธอ

“จริงๆ เรามีความไม่ได้ชอบชื่อไข่มุกขนาดนั้น เพราะมันเชยไรงี้ ก็พยายามหาชื่อ แล้วตัวเราเองก็อยากได้นิคเนม ฉายา ตั้งให้ตัวเอง แล้วเราชอบ Bunny Girl ที่ไม่ใช่กระต่ายนะ เป็นแบบคนใส่ชุด Bunny มันมีความแบบเซ็กซี่ สนุก น่ารัก เป็นคาแรคเตอร์ที่ไม่เชิงตรงกับเราแต่ว่าชอบ เราก็เลยสถาปนาตัวเองเป็น Bunny ขึ้นมา พอจะทำร้านจะใช้ชื่ออะไรดี มันก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ก็เลยมาเป็น Bunny.shoot.film มันเข้าใจง่าย แล้วก็เข้าถึงง่ายด้วย สมมติคนเสิร์ชว่า Film ชื่อเราก็อาจจะขึ้นให้คนเห็นได้ด้วย เอาแค่นั้นเลย มันต้องเข้าใจง่าย”

“โดยฟิล์มทั้งหมด เรานำเข้าจากประเทศสเปน เป็บแรนด์ที่ใช้ชื่อว่า Dubble Film เราไม่มีความรู้เรื่องถ่ายรูปหรือการล้างฟิล์มเลย เราก็เคยเรียนเป็นวิชาบังคับสมัยมหาวิทยาลัย แล้วเราก็ไม่ได้ชอบกระบวนการล้างฟิล์มตรงนั้นด้วย คือเราชอบถ่ายรูป แต่ไม่ได้ชอบศึกษาวิธีของมัน ก็คือเหมือนเดา เหมือนทดลองมากกว่า เราจะเป็นแบบจำว่า ตอนนั้นเราถ่ายแบบไหนแล้วได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นอย่างไรมากกว่า เราก็ใช้วิธีเหล่านั้นจากประสบการณ์ ส่วนใหญ่เราจะลองเองแล้วก็จำไว้ว่าเราชอบแบบนี้นะ เราชอบถ่ายรูปฟิล์มอยู่แล้ว สมัยเรียนศิลปะ ทุกคนก็จะออกไปถ่ายรูปกัน เราก็อยากได้ภาพกล้องฟิล์มด้วยความที่อยากเก๋ เราก็ไปขอพ่อมา ได้ Olympus มาตอนนั้น พอถ่ายมาเราก็ชอบภาพ ชอบมู้ดแบบนั้น ซึ่งมันเข้ากับงานของเราที่เราทำสำหรับงานศิลปะหรืองานแฟชั่นของเราตอนเรียน เพราะส่วนตัวเราชอบงานวินเทจอยู่แล้ว ภาพของฟิล์มที่เราถ่ายมามันก็ตอบโจทย์”

How to SHOOT?

ปัจจุบันร้านกระต่ายถ่ายฟิล์มนี้มีอายุย่างเข้าปีที่สามแล้วนับจากปีก่อตั้งเมื่อ ค.ศ. 2019 จากจุดเริ่มต้นที่หาเพื่อนช่วยหารค่าส่งฟิล์มจนกลายเป็นแบรนด์ที่ไข่มุกควบทั้งตำแหน่งเจ้าของและไดเรกเตอร์ที่ควบคุมทิศทางของแบรนด์ แบรนด์ได้ออกแบบและผลิตสินค้าที่มีพื้นฐานมาจากการถ่ายภาพ ที่หวังว่าผลิตภันณฑ์ของเธอจะเข้าไปอยู่ในช่วงเวลาดีๆ ของทุกคนในขณะถ่ายภาพ และจุดประกายให้ทุกคนอยากออกไปสนุกกับการถ่ายภาพ 

“ทุกอย่างของเรามันคือสินค้าไลฟ์สไตล์ที่มีพื้นฐานมาจากการถ่ายรูป หรือแม้กระทั่งสินค้าที่ดูจะไม่เกี่ยวกับการถ่ายรูปอย่างเสื้อ เราก็ตั้งใจใช้ภาพถ่ายในการสื่อสาร ของทุกชิ้นเราตั้งใจกับกระบวนการทำมาก เราอยากให้สินค้าของเราเป็นไลฟ์สไตล์จริงๆ ซึ่งไลฟ์แบบนี้ สไตล์แบบนี้มันเบสจากอะไร มันเบสจากการถ่ายภาพ แต่เราไม่จำเป็นต้องพูดตรงๆ อย่างเสื้อที่มีคำว่า ‘Shoot Me’ ของเราก็ไม่คิดถึงแค่ตัวคำนั้น แต่เรามองไปถึงว่าถ้าคนใส่เสื้อตัวนี้ถ่ายรูปจะออกมาเป็นยังไง กลิตเตอร์ที่เราเลือกก็เพื่อให้เห็นเป็นเอฟเฟ็กต์ในเวลาที่ถ่ายภาพด้วย”

สินค้าทุกชิ้นของเราตั้งใจทำ เราไม่อยากขายแค่ของ เราให้ความสำคัญในการนำเสนอด้วย ส่วนใหญ่เราจะคิดการนำเสนอไปพร้อมกับตอนเราทำตัวสินค้าด้วยอยู่แล้ว สมมติว่าเรากำลังติดตามงานประเภทนี้อยู่หรือดูหนังแนวนี้อยู่ ความรู้สึกตอนที่เราได้ดูมันจะอยู่กับเรานานมาก สิ่งเหล่านี้มันจะถูกฝังอยู่ในหัวเรา แล้วเราก็จะคิดว่าหรือเราจะทำแบบนี้ หรือพัฒนาไปเป็นแบบนี้ดีกับสินค้าของเรา อย่างสายคล้องกล้องในคอลเลกชั่น New Wave Mansion หนึ่งในสินค้าผลตอบรับดี เราก็ได้ให้ศิลปินที่เราชื่นชอบอย่าง The Fairy Dust Spell ซึ่งเป็นศิลปินสายนักวาดภาพประกอบ เราก็คิดเลยว่าจะวางคอนเซ็ปต์ยังไงให้ได้ร่วมงานกับเขา อย่าง New Wave Mansion ก็มีหลายสีมากๆ บางสีก็ใกล้เคียงกัน มันสลับเข้าออก เปลี่ยนสีขอบ ซึ่งคนก็ค่อนข้างสับสนว่ามันต่างกันยังไง แต่สำหรับมู้ดแล้ว มันต่างกันมาก แล้วเราก็อยากสื่อเรื่องนี้ออกไปให้ทุกคนเข้าใจว่ามันต่างกันยังไง เราก็เลยคิดว่าเราจับเส้นนี้มา ถ้าเป็นมู้ดของห้องของคนที่ใช้ เส้นนี้สีนี้เป็นมู้ดของคนที่ใช้แบบนี้นะ แล้วต่อให้สีมันสลับกัน มันก็เป็นอีกมู้ดหนึ่งของอีกคนหนึ่ง เราก็เลยทำเป็นแมนชั่นออกมาที่แตกต่างกันในแต่ละห้อง เราก็เลยลองติดต่อพี่เขาไป พี่เขาก็ยินดีที่จะร่วมงานกับเรา เหมือนเราก็จะเขียนคอนเซ็ปต์ไปชัดเจน แล้วเราก็จะให้ทางศิลปินดีไซน์มาเพิ่มเติมด้วย”

ต้องยอมรับเลยว่าช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมานั้นการถ่ายภาพฟิล์มเป็นกระแสที่ค่อนข้างแผ่เป็นวงกว้าง เราจะเห็นได้จากที่มีร้านที่เปิดบริการล้าง – สแกนฟิล์มจากกลุ่มคนรุ่นใหม่เกิดขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในและนอกกรุงเทพฯ สำหรับไข่มุกที่ก็เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในกระแสผ่านการเลือกและออกแบบสินค้าที่เกี่ยวข้องนี้คิดไหมว่าเราอาจจะต้องปิดฉากแบรนด์หากว่ากระแสนี้หมดไป

“เราไม่ได้ตามทุกกระแส แต่เราจะเลือกกระแสที่เราสนใจ เราไม่ได้จับทุกกระแสที่เข้ามา บางอย่างเราก็จะออกช้ากว่าคนอื่นอย่าง masking tape เราชอบเราหาซื้อของที่คิดว่าเหมาะกับเราแล้วดันไปเจอคนที่ใช้เทปลายเดียวกับเรา ซึ่งมันเป็นไปได้อยู่แล้วถ้าเราซื้อได้คนอื่นก็ซื้อได้ เลยทำ masking tape ดีไซน์เองทั้งหมด รูปภาพที่เห็นใน masking tape ก็เป็นภาพถ่ายจากเราหรือภาพถ่ายจากเพื่อนๆ เรา”

ไข่มุกยังย้ำอีกว่าไม่ว่ากระแสจะเปลี่ยนไปยังไง ถ้าเราเชื่อในตัวเราในสินค้าที่มาจากความชอบของเรา ใส่ใจมันทุกขั้นตอน ทุกอย่างมันเชื่อมโยงกับตัวเราอยู่แล้วจึงเป็นไปได้ยากที่ Bunny Shoot Film จะหายไป

“เราอยากให้มันเป็นไลฟ์สไตล์ช็อปจริงๆ เราไม่อยากปิดกั้นตัวเราหรือลูกค้า ว่าขายฟิล์มแล้วมาขายอะไรวะ เราเชื่อว่าทุกอย่างที่เราทำออกมามันเชื่อมโยงกันอยู่แล้ว มันคือเส้นทางชีวิตเรา เราก็เลยคิดว่าทิศทางของแบรนด์เราคือทำให้เป็นไลฟ์สไตล์ให้ได้ และให้คนเชื่อว่ามันคือไลฟ์สไตล์ ไม่ใช่มองแค่ร้านขายกล้องมือสอง หรือร้านขายฟิล์ม เราอยากให้คนมองเราเป็นแบรนด์ที่สามารถออกสินค้าได้เรื่อยๆ มีให้เลือกใช้ได้หลายอย่างไม่ใช่แค่อย่างใดอย่างหนึ่ง และเราก็มีโปรเจ็กต์ต่อไปคือสร้างสตูดิโอถ่ายภาพกับเพื่อนด้วย  เราอยากทำให้มันอยู่นาน เป็นเหมือนอพาร์ตเม้นต์ด้วย แพลนมันจะเสร็จภายในปีนี้ เรารีโนเวทจากตึกเก่าที่บ้านที่เราใช้พื้นที่เป็นออฟฟิศเราด้วย แล้วเราก็มองเห็นว่าด้วยสถานการณ์โควิด คนออกไปถ่ายรูปที่ไหนไม่ได้ รวมทั้งมีสินค้าออนไลน์เพิ่มมากขึ้นในช่วงนี้เราก็เลยตัดสินใจทำสตูดิโอ”

ตอนนี้ไข่มุกก็ได้พา Bunny Shoot Film ไปคอแลปกับแบรนด์อื่นๆ อีกรวมถึงแบรนด์ใหญ่อย่าง Fuji ในโปรเจ็กต์ BUNNY SHOOT x Instanx FUJIFILM ที่เธอได้ร่วมออกแบบสายคล้องรวมถึงแพคเกจ เป็นอีกหนึ่งโปรเจ็กต์ที่เจ้าตัวบอกว่าภูมิใจสุดๆ ที่มีแบรนด์ใหญ่มาสนใจแบรนด์ของเธอ เรียกว่าเป็นก้าวที่กระโดดสำหรับตัวเธอด้วย และก่อนหน้านี้ก็มี BUNNY SHOOT x FLASHBACK หรือโปรเจ็กต์ที่เธอร่วมออกแบบกรอบและพื้นหลังให้กับ Photo Booth หรือตู้ถ่ายรูป ถือว่าเป็นกิจกรรมสุดท้ายที่ผู้คนได้สนุกผ่านแบรนด์ของเธอก่อนโรคระบาดจะเข้าขั้นวิกฤติและไม่สามารถออกมาทำกิจกรรมใดๆ นอกบ้านได้ เราย้อนกลับไปถามว่าทำเธอถึงเลือกจับกระแสนี้ “การถ่ายภาพใน Photo Booth นั้นมันทำให้เราเห็นตัวเอง เป็นโมเมนต์ที่เราอยู่กับตัวเองด้วย เราได้เห็นตัวเองในภาพ สมัยก่อนเราก็ไปถ่ายตู้ปุริคุระตลอด แล้วเราโคตรชอบที่พอไปเมืองนอกแล้วมีรูปให้ถ่าย มันมาจากความชอบเราเลย เราก็เลยอยากทำสิ่งนี้”

Why FILM?

ทำไมถึงต้องเป็นภาพฟิล์ม แน่นอน อย่างที่ไข่มุกได้บอกเราไปว่ามันเป็นเรื่องของอารมณ์ที่ทำให้ภาพถ่ายที่เธอชอบมาจากการถ่ายภาพฟิล์ม ทั้งการถ่ายภาพได้กลายมาเป็นสิ่งที่เธอชื่นชอบและมีส่วนเกี่ยวโยงกับชีวิตของเธอ “ภาพถ่ายมันเป็นตัวเชื่อมที่ทำให้เรากลับไปนึกถึงช่วงเวลานั้นได้ แล้วตอนนั้นที่เราถ่ายมันสนุกด้วย แล้วอีกอย่างคือเวลาเราดูภาพถ่ายแล้วมันทำให้เราย้อนเวลากลับไปช่วงนั้นๆ ด้วยได้นึกถึงคนที่อยู่ในภาพ หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น”

สำหรับไข่มุกแล้วนอกจากการถ่ายภาพจะเป็นหนึ่งในสิ่งที่ช่วงเก็บช่วงเวลาในชีวิตของเธอ ตอนนี้การถ่ายภาพได้มาเป็นหนึ่งในการเล่าความเป็นตัวเธอผ่านสินค้าและโปรเจ็กต์ต่างๆ เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่สามารถสนุกได้เมื่อทำ วันนี้ D1839 ได้เห็นอีกหนึ่งมุมมองของบุคคลที่มีต่อภาพถ่ายที่กลายเป็นสินค้าที่ส่งต่อความรู้สึกและมอบประสบการณ์ให้กับคนอื่นๆ อีกด้วย