แสงแดดอ่อนๆ ยามเย็นในวันฤดูร้อนอันชื้นแฉะบนบ้านไร่ในรัฐ Virginia กำลังตกกระทบ Sally และลูกๆ ทั้งสามของเธอขณะที่พวกเขากำลังถ่ายรูปด้วยกล้อง 5×7 พวกเด็กๆ กำลังเล่นและเติบโตอย่างเป็นธรรมชาติและไร้กังวลใดๆ ในโลก และนั่นคือสภาวะที่ Sally กำลังพยายามจะเก็บเอาไว้บนภาพถ่าย

Candy Cigarette from Immediate Family (1989)
งานชุด Immediate Family สร้างเสียงฮือฮาและก่นด่ารวมทั้งชื่อเสียงในฐานะช่างภาพและศิลปินให้กับ Sally Mann เป็นอย่างมากในตอนที่มันถูกจัดแสดงเป็นครั้งแรกในปีค.ศ. 1990 บางคนถึงกับมองว่ามันเป็นงานที่กำลังหากินกับความเปลือยเปล่าและเยาว์วัยของเด็กทั้งสาม ในภาพที่พวกเด็กๆ กำลังใช้ชีวิตในอิริยาบทต่างๆ ทั้ง Emmett ในวัย 12 ขวบ ที่กำลังแหวกว่ายในแม่น้ำที่ไหลผ่านข้างบ้านไร่ของพวกเขา หรือ Jessie ในวัย 7 ขวบ ที่กำลังเขย่งตัวราวกับนักบัลเล่ต์บนโต๊ะที่ชานนอกบ้าน พวกเขาทำสิ่งต่างๆ เหล่านี้โดยไม่ใส่เสื้อผ้าสักชิ้น ซึ่งนำเอาเสียงวิจารณ์และติเตียนมาสู่แม่ผู้เป็นคนถ่ายภาพของพวกเขาไม่ใช่น้อย จนถึงขั้นที่บางคนก็หาว่ามันเป็น Child Pornography

The Last Time Emmett Modeled Nude (1987)
สำหรับ Sally Mann ผู้ซึ่งใช้ชีวิตวัยเด็กอย่างเรียบง่ายบนฟาร์มเดียวกันกับที่ครอบครัวในขณะนั้นของเธออาศัยอยู่นั้น เรื่องการเปลือยเปล่าร่างกายบนพื้นที่ส่วนตัวเป็นเรื่องปกติในวัยเด็กของเธอ Sally เริ่มหยิบจับการถ่ายรูปในวัย 16 ปีด้วยกล้อง 5×7 ของพ่อเธอ งานชุดแรกที่ได้จัดแสดงในแกลลอรี่ของเธอเป็นงานถ่ายสถาปัตยกรรม เธอถ่ายรูปครอบครัวของเธออยู่เป็นกิจวัตรโดยที่ไม่ได้คิดอะไร จนครั้งแรกที่เธอเห็นถึงความสำคัญและความเป็นไปได้ที่จะสร้างงานศิลปะในรูปถ่ายเด็กๆ ของเธอคือตอนที่เธอถ่ายใบหน้าของ Jessie ที่ถูกแมลงต่อยจนบวม นั่นเป็นครั้งแรกที่เธอเห็นอะไรที่มากกว่าแค่ความไร้เดียงสาของวัยเด็ก แต่เป็นด้านที่มีบาดแผล, มีเรื่องราวและธรรมชาติบางอย่างที่มันมืดหม่นกว่านั้น ภาพของ Sally นับจากนั้นก็เริ่มเก็บช่วงเวลาที่บอบบางของเหล่าเด็กๆ เอาไว้อย่างถี่ถ้วน บางครั้งเธอก็จัดฉากขึ้นมาเพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับรูปถ่าย แต่เมื่อ Emmett ถูกรถชนเข้าในปีค.ศ. 1987 เธอถึงได้ตระหนักว่าความจริงในความบอบบางของวัยเด็กก็เพียงพอแล้ว
“ ฉันจำอะไรที่คนอื่นเขาจำได้จากวัยเด็กไม่ได้เลย บางครั้งฉันก็คิดว่าความทรงจำที่มีก็มีแต่ที่เกิดขึ้นจากรูปถ่ายของฉันตอนเด็กๆ บางทีฉันอาจจะสร้างชีวิตของฉันขึ้นมา ฉันไม่เชื่อในความทรงจำที่ฉันมี มันอาจจะเป็นนิยายด้วยเหมือนกัน”
พวกเด็กๆ เองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับการที่รูปนู๊ดของพวกเขาถูกจัดแสดงและตีพิมพ์ในฐานะงานศิลปะ Sally ส่งลูกๆ ทั้งสามไปพบจิตแพทย์เพื่อตรวจหาถึงความไม่ปกติ แต่ผลที่ได้ก็ไม่ได้น่ากังวลอะไร เด็กๆ ทั้งสามเข้าใจถึงผลกระทบทั้งด้านบวกและด้านลบที่จะตามมาจากภาพของพวกเขาแต่เด็กๆ ก็เชื่อใจในครอบครัวของตน เมื่อจับเข่าคุยกับลูกๆ ทั้งสามก่อนที่จะเผยแพร่งาน เธอก็ให้ลูกๆ เลือกภาพต้องห้ามของพวกเขา พวกเด็กๆ เองกลับเลือกรูปที่พวกเขาดู ‘ไม่คูล’ ออก พวกเขามองว่ามันน่าอายยิ่งกว่าร่างอันเปลือยเปล่าเป็นไหนๆ Sally ยังตั้งปณิธานเอาไว้ว่าเธอจะถ่ายรูปพวกนี้ไปจนกว่าที่มันจะเริ่มทำร้ายครอบครัวของเธอ เธอตั้งใจทุกวิธีทางที่จะให้มันไม่เป็นอย่างนั้น และตอบโต้ข้อครหาต่างๆ ที่มีต่อเธอและครอบครัวอย่างตรงไปตรงมา บทความหนึ่งบน The Wall Street Journal ในปีค.ศ. 1991 ที่เอารูปของ Virginia ขึ้นในบทความ แต่ได้พาด ‘แถบดำแห่งศีลธรรม’ บนส่วนซ่อนเร้นของเด็ก ได้สร้างความไม่พึงพอใจแก่ Sally อย่างมาก “ มันเหมือนการกระทำชำเรา ไม่ใช่แค่กับตัวรูป แต่กับตัว Virginia และความบริสุทธิ์ของเธอ ” เธอเขียนตอบ สำหรับ Sally Mann แล้วนั้น ความบริสุทธิ์และธรรมชาติของวัยเด็ก คือสิ่งที่ควรค่ากับการเป็นงานศิลปะ

Vinland (1992)
ข้อมูลอ้างอิงจาก
Sally Mann
https://www.nytimes.com/2015/04/19/magazine/the-disturbing-photography-of-sally-mann.html